บทที่ 8 หนีไม่พ้น

ยามนี้นางเข้าใจแล้วว่ามีคนเห็นชีวิตผู้อื่นเป็นของเล่น ทั้งลูกธนู ทั้งสุนัขดุร้าย กำลังไล่ล่าหมายเอาชีวิตพวกเขา

หญิงสาวไม่รอช้า นางสืบเท้าไปข้างหน้าโดยไร้จุดหมาย กระทั่งมีเด็กสาวคนหนึ่งยื่นมือมาจับข้อมือนางหมับแล้วฉุดให้ออกวิ่งตาม

อวิ๋นมู่หลันหันไปมองอีกฝ่ายเห็นว่าซีกหน้าของนางข้างหนึ่งมีแผลลึก ซึ่งอาจเกิดจากของมีคม บาดแผลเช่นนี้น่ากลัวและชวนให้ขนลุก

“ปะ… ไป... อย่าอยู่ที่นี่ พวกมันจะฆ่าเราทุกคน”

‘ตะ… แต่พวกเขาเป็นทหาร เหตุใดถึงทำกับผู้อื่นเช่นนั้น!’ อวิ๋นมู่หลันถาม แต่เสียงนางไม่อาจสื่อความหมายให้อีกฝ่ายเข้าใจ

เด็กสาวไม่สนใจฟัง เร่งฉุดให้อวิ๋นมู่หลันไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ กระทั่งพวกนางหายใจหายคอสะดวกจึงเอ่ยว่า

“หาก ‘หนานหยาง’ ยังไม่ล่มสลาย พวกข้าคงไม่ต้องพบความบัดซบเช่นนี้ เมื่อวานน้องสาวข้าถูกชาวต้าเหอข่มเหงจนเสียชีวิต นางคิดโง่ ๆ ที่จะรับใช้ในค่ายทหาร แต่กลับถูกจับใส่ป้ายแขวนคอเพื่อให้ทหารเลวระบายความใคร่ พวกมันตั้งสิบสี่คนรุมโทรมนางจนถึงแก่ชีวิต!”

อวิ๋นมู่หลันตัวสั่น ไม่ใช่ว่ากลัว แต่นางเกลียดทหารในค่ายนี้จับใจ ทั้งที่เกิดเป็นชาวต้าเหอ ทว่าเหตุใดชีวิตนี้เพิ่งจะรับรู้ได้ว่าพวกมีอำนาจช่างชั่วช้า กระทำต่อผู้อื่นราวกับไม่ใช่มนุษย์!

ขณะที่หลบอยู่ตรงนั้น มีทหารคลั่งนายหนึ่งตามไล่ฆ่าเชลยที่ถูกยิง ทว่ายังไม่สิ้นลมหายใจ เสียงร้องโหยหวนดังอยู่ใกล้ ๆ พร้อมเสียงคำรามและเห่ากรรโชกของสุนัขหลายตัว

“เจ้าถูกจับตัวมาได้อย่างไร...”

อวิ๋นมู่หลันพยายามใช้ภาษามือสื่อสารกับเด็กสาวคนนั้น

“เป็นใบ้หรอกหรือ... แต่ถึงจะมีปานอัปลักษณ์บนหน้า ทว่าพี่สาวยังงดงามถึงเพียงนี้ หากถูกจับตัวคงกลายเป็นของเล่นให้พวกมันย่ำยี”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นมู่หลันก็แจ้งชัดว่านางต้องหาโอกาสหนีไปให้ไกล กระทั่งทหารคลั่งเข้ามาใกล้ เด็กสาวก็คว้าเอาก้อนหินก้อนใหญ่และเตรียมใช้มันทำร้ายเขา

พริบตาต่อมา เด็กสาวจึงอ้อมไปข้างหลังทหารคนหนึ่ง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นบาดเจ็บ ส่งเสียงร้องเบา ๆ เพื่อเรียกอีกฝ่าย

“บาดเจ็บหรือ... ถ้ายอมให้ข้าปล่อยความสุขใส่ข้างในตัวเจ้าก็จะมีชีวิตรอด อย่างน้อยก็ให้ข้าเย่อสักหนึ่งถึงสองชั่วยามเถิด”

เด็กสาวแสร้งทำท่าตื่นตระหนก

“อ้าขาให้กว้าง ๆ ซี ข้าจะได้เย่อเจ้าให้ถึงใจ แลกกับการต่อลมหายใจอีกสักหน่อย”

ทหารเอ่ยจบก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากหนา ๆ ของตน พร้อมแกะสายรัดเอวออก

ภาพเบื้องหน้านั้นอวิ๋นมู่หลันไม่อยากดูด้วยซ้ำ แต่นางก็ต้องฝืนทนพร้อมคิดจนหัวแทบระเบิดว่าจะช่วยเด็กสาวอย่างไรเพราะอีกฝ่ายไม่ได้บอกแผนการใด ๆ ต่อนาง

กระทั่งทหารหนุ่มขึ้นคร่อมเด็กสาว เขาใช้มืออันหยาบกร้านลูบไล้ตัวนางอย่างหื่นกระหาย เด็กสาวก็ใช้โอกาสนั้น จับหินที่วางไว้ใกล้ ๆ ตัวทุบใส่ท้ายทอยเขาเต็มแรง

อวิ๋นมู่หลันเห็นภาพดังกล่าวชัดเจน นางค่อนข้างเสียขวัญ แต่ไม่รอช้าพุ่งเข้าไปจับดาบของนายทหารที่วางไว้เพื่อใช้มันเป็นอาวุธไม่ให้อีกฝ่ายเข้าทำร้ายเด็กสาว

“รวมหัวหลอกข้าหรือ!”

ทหารคลั่งว่าและพยายามลุกยืน กระทั่งทรงตัวได้เขาก็เป่าปากส่งสัญญาณเรียกทหารอีกคนที่แยกตัวออกไป จัดการกับเชลยคนอื่น

ช่วงเวลาดังกล่าวตึงเครียดเหลือเกิน แต่เด็กสาวไม่ได้แสดงท่าทีเกรงกลัว นางยื่นมือมาขอดาบจากอวิ๋นมู่หลัน และกวัดแกว่งไปข้างหน้าหมายปลิดชีพทหารคลั่ง ทว่านางอาจช้าไปเสียหน่อย เพราะไม่ทันได้ทำร้ายทหารคลั่งลูกธนูก็พุ่งเข้ามาปักที่เนินหน้าอกซ้ายของนาง!

แรงจากลูกธนูมีพลังมากจนทำให้ดาบในมือเด็กสาวล่วงหล่น

อึดใจต่อมา คนที่ยิงธนูจึงเผยกายให้เห็น

“นะ… นั่น... เป็นนังใบ้หรอกหรือ.... ฮ่า ๆ ๆ สวรรค์เป็นใจให้ข้าได้เล่นสนุกกับเจ้าจริง ๆ”

ซ่งเถียน ทหารที่ดูแลสุนัขโผล่มา เขาหัวเราะอย่างร้ายกาจ พร้อมย่างสามขุมไปกระชากแขนของอวิ๋นมู่หลันจนนางหวิดล้มคะมำลงพื้น

“จงเป็นสุนัขตัวเมียให้ข้าเย่อเสีย เจ้ารู้หรือไม่เหตุใดแม่ของลูกสุนัขพวกนั้นถึงตาย!”

อวิ๋นมู่หลันไม่อยากฟังสิ่งใด ยิ่งมองดวงตาของทหารชั่วนางยิ่งขยะแขยง และนางไม่อยากคาดเดาเรื่องชวนให้คลื่นเหียนใด ๆ

“เวลาที่ข้าเข้าไปในตัวมัน ทั้งลื่น ทั้งอุ่น!”

หญิงสาวได้ยินคำดังกล่าวแล้วพลันเดือดดาล แต่นางถูกบีบข้อมือไว้และเขาก็มีอาวุธ ไฉนนางจะกล้าทำเรื่องบุ่มบ่าม

“พี่สาวอย่าได้ยอมพวกเดรัจฉานนี้” เด็กสาวตวาดลั่นและฮึดสุด กำลังที่จะสู้

“ดี... ข้าจะฉีดน้ำเข้าทั้งปากและก้นพวกเจ้าให้หนำใจ”

ทหารผู้ดูแลสุนัขว่าแล้วก็หัวเราะอย่างสาแก่ใจ ทว่าเขาไม่ทันได้ระวังตัวเมื่อเด็กสาวดึงธนูออกจากร่างของตน นางก็สกัดจุดห้ามเลือด จากนั้นจึงใช้มันแทงทะลุคอทหารคลั่งที่ได้รับบาดเจ็บ พอเขาร้องโหวกเหวกพยายามจัดการนาง เด็กสาวก็ถีบอีกฝ่ายสุดแรง แต่นางกลับพลาดท่าเมื่อดาบในมือซ่งเถียนฟันเข้าใส่กลางหลังนาง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป